ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ จ.นครสวรรค์ ที่อยู่ไม่ไกล ไปมาสะดวก นั่นคือ "เขาหน่อ-เขาแก้ว" สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติ วัฒนธรรม และศาสนา ไปในคราวเดียวกัน เส้นทางการท่องเที่ยวบริเวณภูเขาหน่อ เป็นสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ คือการเสด็จประพาสต้นของสมเด็จพระ
พุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ตำนานนางพันธุรัตน์
ชมความน่ารักของฝูงลิงนับหมื่นตัว ชมต้นลีลาวดีที่มีอายุยืนยาวกว่าร้อยปี
สักการะรอยพระพุทธบาทที่มีความศักดิ์สิทธิ์บนยอดภูเขาหน่อ
ซึ่งมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 282 เมตร
ถือเป็นเส้นทางที่มีความท้าทายนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญยิ่งนัก
นอกจากนั้นยังได้ชมความสวยงามของฝูงค้างคาวนับล้าน ๆ
ตัวบินออกหากินจากถ้ำบนภูเขาแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับภูเขาหน่อ
บริเวณเทศบาลตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์
เขาหน่อ-เขาแก้ว ตั้งอยู่ริมทางหลวงสายพหลโยธิน ช่วงนครสวรรค์ - กำแพงเพชร
ในท้องที่ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย ติดกับพื้นที่ของตำบลสลกบาตร
อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร (ห่างจากสลกบาตร 10 กม.)
ระยะทางจากตัวจังหวัดนครสวรรค์ประมาณ 45 กิโลเมตร
และจากตัวที่ว่าการอำเภอบรรพตพิสัยประมาณ 18 กิโลเมตร
เขาหน่อเป็นเขาหินปูนที่มีวัดและโรงเรียนอยู่เชิงเขา ปัจจุบันโรงเรียนร้างไปแล้ว แบ่งเป็น 2 ส่วนสำคัญคือ
1. เขานางพันธุรัตหรือเขาลูกเล็ก มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิว 60 ขั้น ระหว่างทางขึ้นยอดเขา มีถ้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ด้านหน้าประดิษฐานพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่อยู่หน้าปากถ้ำ และมีพระพุทธรูปองค์เล็กอีก 4-5 องค์ หากจะเข้าถ้ำต้องเดินอ้อมหลังพระพุทธรูปเข้าไป ภายในถ้ำมีลักษณะเปียกชื้น นักท่องเที่ยวควรมีไฟฉายติดตัว ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นถ้ำพญานาค เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำทางเดินจะค่อยๆแคบลงจนไม่สามารถเดินต่อได้ ต้องเดินย้อนกลับมาทางเดิม แล้วเดินทะลุออกไปอีกทางหนึ่งเพื่อเดินขึ้นยอดเขาไปชมทัศนียภาพของวัด ณ ลานเผานางพันธุรัตได้ การปีนเขาลูกเล็กเหมาะสำหรับเด็กและคนชราที่ร่างกายไม่ ค่อยแข็งแรง
2. เขาพระพุทธบาทหรือเขาลูกใหญ่ ด้านหน้ามีโรงเรียนร้างเป็นจุดสังเกต อยู่ห่างจากเขานางพันธุรัตประมาณ 300 เมตร ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทและเจดีย์เก่าอายุประมาณ 400 ปี คาดว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีระฆังที่นำไปแขวนใหม่ประมาณ 20 ใบ มีบันไดสำหรับเดินขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท 700 ขั้น ก่อนถึงยอดเขาจะต้องปีนบันไดลิงอีก 5 ช่วง ในอดีตเคยเป็นที่จัดแข่งขัน Walking Rally แข่งขันพิชิตยอดเขาหน่อเป็นคนแรก การปีนเขาลูกใหญ่เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่ร่างกายแข็งแรง
เขาหน่อนับเป็น อีกหนึ่งในสถานที่ที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาส โดยเสด็จภาคเหนือทางชลมารคสายแม่น้ำปิง เมื่อปี 2449 และต่อมาในปี 2452 ได้พระราชทานสิ่งของให้แก่หลวงพ่อแหยม วัดบ้านแดน
ส่วนเขาแก้วอยู่ใน บริเวณเดียวกันกับเขาหน่อ ปัจจุบันมีถนนคั่นกลางแบ่งเขตกันอย่างชัดเจน มีถ้ำหลายถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของค้างคาวมากมาย ในเวลาเย็นใกล้พลบค่ำฝูงค้างคาวจะพากันบินออกหากินนับล้านตัว ค้างคาวบินออกหากินจากถ้ำ 30 นาทีก็ยังออกจากถ้ำไม่หมด ปัจจุบัน อบต.บ้านแดนพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยสร้างศาลาไว้ชมค้างคาวไว้บริการนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีผู้คนจากต่างถิ่นมาชมค้างคาวและรับประทานอาหารค่ำ มีชาวบ้านนำอาหารมาจำหน่ายไว้บริการ
วันเวลาเปิดทำการ
ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 - 16.00 น.
ติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์ อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ โทร. 0-5622-1602, 0-5622-1034, 0-5622-1656 ต่อ 114 โทรสาร 0-5623-1841, 0-5622-162 ต่อ 111
๘. สระเสด็จ อยู่ ใกล้ ๆ โบสถ์ ที่ชื่อว่าสระเสด็จเพราะพระพุทธเจ้าหลวง (ร.5) เคยเสด็จมาสรงน้ำเมื่อครั้งทรงประภาสที่นี่ นักท่องเที่ยวเมื่อให้อาหารลิงเสร็จแล้ว ควรให้อาหารปลาก่อนกลับ
๙. เขาแก้ว เป็น เขาที่มีชื่อคล้องจองกับเขาหน่อ ไม่สามารถเข้าไปเที่ยวโดยตรงได้เพราะอยู่ สูง เป็นสถานที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาดูค้างคาวบินออกจากถ้ำเพื่อหากินในเวลา ประมาณ 17.30 - 18.30 น. แล้วแต่ฤดูกาล ค้างคาวที่นี่มีนับล้านตัว บินออกจากถ้ำเป็น 2 สายยาวมาก และจะมีนกเหยี่ยวมาคอยโฉบจับค้างคาวกินกลางอากาศทุกวัน วันละหลาย ๆ ตัว แต่ก็ไม่เคยหมดเพราค้างคาวมีเยอะ หากอยากเห็นชัด ๆ ควรมีกล้องส่องทางไกลติดตัวมาด้วย
๑๐. ลิง ลิงที่นี่มีมาแต่โบราณตั้งแต่สมัยเป็นป่าดงดิบ ต่อมาเมื่อมีคนมีจำนวนมาก ขึ้น ป่าเขาหมดไป ลิงไม่มีที่อยู่ที่อาศัยก็อพยพหลบภัยมาอยู่ในวัดออกลูกออกหลานเต็มไปหมด อาหารไม่พอกิน ต้องขยายอาณาเขตหากินไปไกล ลิงในปัจจุบันก็เลยค่อนข้างจะไร้มารยาทและดื้อ พอสมควร ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ค่อนข้างจะเกรงคน
๑๑. รูปเหมือนหลวงปู่โต พรหมรังสี ใน อดีตสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เคยธุงดงค์ผ่านมาพักและเรียนวิชาอาคมกับชีปะขาวที่ถ้ำแห่งนี้ ทางวัดจึงได้สร้างรูปท่านไว้เป็นอนุสรณ์
ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ เว็บไซต์ ม.นเรศวร
เขาหน่อเป็นเขาหินปูนที่มีวัดและโรงเรียนอยู่เชิงเขา ปัจจุบันโรงเรียนร้างไปแล้ว แบ่งเป็น 2 ส่วนสำคัญคือ
1. เขานางพันธุรัตหรือเขาลูกเล็ก มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิว 60 ขั้น ระหว่างทางขึ้นยอดเขา มีถ้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ด้านหน้าประดิษฐานพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่อยู่หน้าปากถ้ำ และมีพระพุทธรูปองค์เล็กอีก 4-5 องค์ หากจะเข้าถ้ำต้องเดินอ้อมหลังพระพุทธรูปเข้าไป ภายในถ้ำมีลักษณะเปียกชื้น นักท่องเที่ยวควรมีไฟฉายติดตัว ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นถ้ำพญานาค เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำทางเดินจะค่อยๆแคบลงจนไม่สามารถเดินต่อได้ ต้องเดินย้อนกลับมาทางเดิม แล้วเดินทะลุออกไปอีกทางหนึ่งเพื่อเดินขึ้นยอดเขาไปชมทัศนียภาพของวัด ณ ลานเผานางพันธุรัตได้ การปีนเขาลูกเล็กเหมาะสำหรับเด็กและคนชราที่ร่างกายไม่ ค่อยแข็งแรง
2. เขาพระพุทธบาทหรือเขาลูกใหญ่ ด้านหน้ามีโรงเรียนร้างเป็นจุดสังเกต อยู่ห่างจากเขานางพันธุรัตประมาณ 300 เมตร ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทและเจดีย์เก่าอายุประมาณ 400 ปี คาดว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีระฆังที่นำไปแขวนใหม่ประมาณ 20 ใบ มีบันไดสำหรับเดินขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท 700 ขั้น ก่อนถึงยอดเขาจะต้องปีนบันไดลิงอีก 5 ช่วง ในอดีตเคยเป็นที่จัดแข่งขัน Walking Rally แข่งขันพิชิตยอดเขาหน่อเป็นคนแรก การปีนเขาลูกใหญ่เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่ร่างกายแข็งแรง
เขาหน่อนับเป็น อีกหนึ่งในสถานที่ที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาส โดยเสด็จภาคเหนือทางชลมารคสายแม่น้ำปิง เมื่อปี 2449 และต่อมาในปี 2452 ได้พระราชทานสิ่งของให้แก่หลวงพ่อแหยม วัดบ้านแดน
ส่วนเขาแก้วอยู่ใน บริเวณเดียวกันกับเขาหน่อ ปัจจุบันมีถนนคั่นกลางแบ่งเขตกันอย่างชัดเจน มีถ้ำหลายถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของค้างคาวมากมาย ในเวลาเย็นใกล้พลบค่ำฝูงค้างคาวจะพากันบินออกหากินนับล้านตัว ค้างคาวบินออกหากินจากถ้ำ 30 นาทีก็ยังออกจากถ้ำไม่หมด ปัจจุบัน อบต.บ้านแดนพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยสร้างศาลาไว้ชมค้างคาวไว้บริการนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีผู้คนจากต่างถิ่นมาชมค้างคาวและรับประทานอาหารค่ำ มีชาวบ้านนำอาหารมาจำหน่ายไว้บริการ
รอยพระพุทธบาท |
ฝูงค้างคาวนับล้าน บินออกหากินในยามเย็น |
วันเวลาเปิดทำการ
ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 - 16.00 น.
ติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์ อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ โทร. 0-5622-1602, 0-5622-1034, 0-5622-1656 ต่อ 114 โทรสาร 0-5623-1841, 0-5622-162 ต่อ 111
สิ่งที่น่าสนใจ
๑. พระพุทธบาท ๔ รอย
พระพุทธบาทคือรอยเท้าของพระพุทธเจ้า
ถ้ามีรอยพระพุทธบาทที่ใดแสดงว่าพระพุทธศาสนาแผ่ไปถึงที่นั่นแล้ว
พระพุทธบาทที่ยอดเขาหน่อมี ๔ รอยซ้อนกัน มีมณฑปเก่าครอบเอาไว้ พระพุทธบาทเขาหน่อมีความยาว ๓ ศอก กว้าง ๑ ศอก ๕ นิ้ว พระพุทธบาท ๔ รอยซ้อนกันในทางศาสนาถือว่า สถานที่แห่งนี้ในอดีตพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาแล้ว ๔ พระองค์คือ พระพุทธกกุสันธะ พระพุทธโกนาคมน์ พระพุทธกัสปะ และพระพุทธโคดม
พระพุทธบาทโดยทั่วไปจะมีแค่รอยเดียว แต่ถ้าที่ใดมีรอยพระพุทธบาทมากถึง ๔ รอยก็จะมีความสำคัญหรือศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นไปอีก พระพุทธบาทที่มีสี่รอยในประเทศไทยมีอยู่ไม่มากนัก แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดในประเทศอยู่ที่ วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะ ลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ดังนั้นรอยพระพุทธบาทที่เขาหน่อจึงถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญ ที่จังหวัดนครสวรรค์นอกจากที่นี่แล้ว ยังมีอีกแห่งหนึ่งคือวัดจอมคีรีนาคพรต
ข้อแตกต่างระหว่างพระพุทธสี่รอยทั้งสองแห่งก็คือ ที่เชียงใหม่เป็นรอยพระบาทใหญ่และเล็กลงตามลำดับ สังเกตเห็นได้ง่าย (ดูรูป) แต่ที่เขาหน่อ พระพุทธบาททั้ง ๔ รอยมีขนาดเท่ากัน สังเกตเห็นได้ยาก แต่มีจุดให้รู้ว่าเป็นพระพุทธบาทสี่รอยตรงปลายของส้นเท้า (ดูรูป)
๒. เจดีย์โบราณ เจดีย์ องค์นี้ตั้งอยู่ ณ จุดที่สูงที่สุดของเขาหน่อ อยู่ติดกับมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท ดูจากลักษณะที่ตั้งแล้วเจดีย์องค์นี้สัน นิฐานว่าน่าจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ หรือสิ่งของสำคัญในทางศาสนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ปัจจุบันเป็นซากปรักหักพังชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เป็นเพียงกองดินขนาดใหญ่ แต่ก็สิ่งที่พอจะให้สังเกตเห็นได้ว่าเป็นเจดีย์เก่า เพราะมีอิฐศิลาแลงโบราณขนาดใหญ่อยู่ภายใน ดูจากอิฐที่ก่อสร้างเจดีย์แล้วน่าจะอายุหลายร้อยปี
รอยพระพุทธบาทและเจดีย์นี้ ประดิษฐานบนเขาหน่อลูกใหญ่ มีทางขึ้นที่หลังโรงเรียน (ปัจจุบันร้างแล้ว)
๓. ลีลาวดีพันปี (ลั่นทม พันปี) บนยอดเขาหน่อลูกใหญ่ จะมีต้นลีลาวดีซึ่งจะออกดอกทั้งปีโดยไม่เลือกฤดูกาล นักท่องเที่ยวมาเขา หน่อเวลาไหนก็จะเห็นลีลาวดีออกดอกทุกฤดู ต้นลีลาวดีที่เขาหน่อแม้ว่าจะมี ขนาดเล็กเพราะแคระแกรน เนื่องจากอยู่ตามซอกเหลือบเขา แต่ก็มีอายุนับร้อยปีนับพันปี ต้นลีลาวดีที่นี่จึงต่างจากต้นลีลาวดีตามที่ทั่วไป และที่สำคัญต้น ลีลาวดีที่เขาหน่อเกิดอยู่ในจุดที่สูงกว่าต้นไม้ชนิดอื่น ดังนั้นจึงได้รับสมญานามว่า "ราชินีแห่งเขาหน่อ" ออกดอกชูช่อเพื่อบูชาพระพุทธบาท
พระพุทธบาทโดยทั่วไปจะมีแค่รอยเดียว แต่ถ้าที่ใดมีรอยพระพุทธบาทมากถึง ๔ รอยก็จะมีความสำคัญหรือศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นไปอีก พระพุทธบาทที่มีสี่รอยในประเทศไทยมีอยู่ไม่มากนัก แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดในประเทศอยู่ที่ วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะ ลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ดังนั้นรอยพระพุทธบาทที่เขาหน่อจึงถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญ ที่จังหวัดนครสวรรค์นอกจากที่นี่แล้ว ยังมีอีกแห่งหนึ่งคือวัดจอมคีรีนาคพรต
ข้อแตกต่างระหว่างพระพุทธสี่รอยทั้งสองแห่งก็คือ ที่เชียงใหม่เป็นรอยพระบาทใหญ่และเล็กลงตามลำดับ สังเกตเห็นได้ง่าย (ดูรูป) แต่ที่เขาหน่อ พระพุทธบาททั้ง ๔ รอยมีขนาดเท่ากัน สังเกตเห็นได้ยาก แต่มีจุดให้รู้ว่าเป็นพระพุทธบาทสี่รอยตรงปลายของส้นเท้า (ดูรูป)
๒. เจดีย์โบราณ เจดีย์ องค์นี้ตั้งอยู่ ณ จุดที่สูงที่สุดของเขาหน่อ อยู่ติดกับมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท ดูจากลักษณะที่ตั้งแล้วเจดีย์องค์นี้สัน นิฐานว่าน่าจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ หรือสิ่งของสำคัญในทางศาสนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ปัจจุบันเป็นซากปรักหักพังชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เป็นเพียงกองดินขนาดใหญ่ แต่ก็สิ่งที่พอจะให้สังเกตเห็นได้ว่าเป็นเจดีย์เก่า เพราะมีอิฐศิลาแลงโบราณขนาดใหญ่อยู่ภายใน ดูจากอิฐที่ก่อสร้างเจดีย์แล้วน่าจะอายุหลายร้อยปี
รอยพระพุทธบาทและเจดีย์นี้ ประดิษฐานบนเขาหน่อลูกใหญ่ มีทางขึ้นที่หลังโรงเรียน (ปัจจุบันร้างแล้ว)
๓. ลีลาวดีพันปี (ลั่นทม พันปี) บนยอดเขาหน่อลูกใหญ่ จะมีต้นลีลาวดีซึ่งจะออกดอกทั้งปีโดยไม่เลือกฤดูกาล นักท่องเที่ยวมาเขา หน่อเวลาไหนก็จะเห็นลีลาวดีออกดอกทุกฤดู ต้นลีลาวดีที่เขาหน่อแม้ว่าจะมี ขนาดเล็กเพราะแคระแกรน เนื่องจากอยู่ตามซอกเหลือบเขา แต่ก็มีอายุนับร้อยปีนับพันปี ต้นลีลาวดีที่นี่จึงต่างจากต้นลีลาวดีตามที่ทั่วไป และที่สำคัญต้น ลีลาวดีที่เขาหน่อเกิดอยู่ในจุดที่สูงกว่าต้นไม้ชนิดอื่น ดังนั้นจึงได้รับสมญานามว่า "ราชินีแห่งเขาหน่อ" ออกดอกชูช่อเพื่อบูชาพระพุทธบาท
๔. ถ้ำพระนอน ถ้ำจรเข้ ถ้ำชีปะขาว ถ้ำทั้ง 3 นี้คือถ้ำเดียวกัน แต่เรียกสามชื่อก็เพราะว่า
- ภายนอกถ้ำมีพระนอนขนาดใหญ่ เลยเรียกว่า "ถ้ำพระนอน"
- ภายในถ้ำมีหินก้อนใหญ่คล้ายจรเข้ เลยเรียกว่า "ถ้ำจรเข้"
- ภายในถ้ำเคยมีชีปะขาวอาศัยอยู่ เลยเรียกว่า "ถ้ำชีปะขาว"
ภายในถ้ำแห่งนี้ เหมาะสำหรับเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่นักสำรวจ เพราะมีขนาดไม่ใหญ่นัก ถ้าเข้าไปควรมีไฟฉายหรือเทียนติดตัวไปด้วย เอาไว้ส่องนำทาง เมื่อเดินเข้าไป ทางจะแคบลงเรื่อย ๆ จนเข้าไม่ได้ ไม่มีอันตรายใด ๆ จะมีเพียงแต่ระวังการลื่นหกล้มเท่านั้น
๕. พระปางไสยาสน์ คือพระนอนขนาดใหญ่หน้าถ้ำ ชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวนิยมมากราบขอพร ต้องเดินขึ้นบันไดจากเชิงเขามาอีกประมาณ 60 ขั้น ด้านหลังองค์พระเป็นถ้ำพระนอน หากไม่ประสงค์เข้าไปเที่ยวในถ้ำ เดินไปทางซ้ายมือไปเรื่อย ๆ จะเป็นทางเดินไปลานเผาศพนางพันธุรัต
๖. ลานเผานางพันธุรัต เดิมเป็นเจดีย์เก่าตั้งแต่สมัยอยุธยา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและของมีค่าต่าง ๆ อาทิ แก้ว แหวน เงิน ทอง เป็นต้น ต่อมาชำรุดทรุดโทรมเหลือเพียงฐานเท่านั้น ชาวบ้านและผู้ที่ขึ้นไปสำรวจไม่ทราบว่าเป็นอะไร เห็นเป็นสิ่งอัศจรรย์เพราะ มีลักษณะพิเศษคือ เป็นลานดินที่แข็งมาก ตอกตะปูหรือขุดหลุมแทบจะไม่เข้า ต้นไม้ใบหญ้าไม่งอกขึ้น เป็นอย่างนี้ตลอดปีตลอดชาติไม่ว่าจะฤดูไหน ๆ ชาวบ้านเห็นเป็นสิ่งประหลาดแต่หาคำตอบ(คำอธิบาย)ไม่ได้ จึงได้โยงไปถึงวรรณคดีเรื่องสังข์ทอง บอกว่าเป็นลานเผาศพนางพันธุรัต
แต่ ความจริงก็คือ สถานที่แห่งนี้เป็นเจดีย์เก่าแก่ บรรจุของมีค่าในพระศาสนาเอาไว้ ตอนนั้นฝนยังไม่ได้ชะล้างหน้าดินออกไป ทำให้ไม่เห็นอิฐและหินอยู่ด้านใต้ฐาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานนับสิบปี ฝนได้ชะล้างหน้าดินออกไป ทำให้ทราบว่า ลานเผานางพันธุรัต ความจริงคือเจดีย์เก่าแก่สมัยอยุธยา (โปรดสังเกตที่ภาพ เพื่อยืนยันความเชื่อ) ใน อดีตที่ทางวัดยังไม่ได้ทำทางคอนกรีตขึ้นไป การขึ้นไปลานเผานางพันธุรัตทำได้ยากมาก เพราะต้องปีนป่ายหินขึ้นไป ปัจจุบันทางวัดได้จัดทำทางเดินอย่างดี เมื่อนักท่องเที่ยวมาที่นี่แล้ว ควรขึ้นไปชมลานเผานางพันธุรัตในวรรณคดีเรื่องสังข์ทองให้ได้ เพราะทัศนียภาพงดงามมาก เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยแข็งแรง ส่วนคนที่มีแรงมากควรปีนเขาหน่อลูกใหญ่ไปนมัสการรอยพระพุทธบาท
๗. โบสถ์ ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติสวยงามมาก สมเด็จพระเทพฯ เคยเสด็จมาทำพิธีฉลองโบสถ์- ภายนอกถ้ำมีพระนอนขนาดใหญ่ เลยเรียกว่า "ถ้ำพระนอน"
- ภายในถ้ำมีหินก้อนใหญ่คล้ายจรเข้ เลยเรียกว่า "ถ้ำจรเข้"
- ภายในถ้ำเคยมีชีปะขาวอาศัยอยู่ เลยเรียกว่า "ถ้ำชีปะขาว"
ภายในถ้ำแห่งนี้ เหมาะสำหรับเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่นักสำรวจ เพราะมีขนาดไม่ใหญ่นัก ถ้าเข้าไปควรมีไฟฉายหรือเทียนติดตัวไปด้วย เอาไว้ส่องนำทาง เมื่อเดินเข้าไป ทางจะแคบลงเรื่อย ๆ จนเข้าไม่ได้ ไม่มีอันตรายใด ๆ จะมีเพียงแต่ระวังการลื่นหกล้มเท่านั้น
๕. พระปางไสยาสน์ คือพระนอนขนาดใหญ่หน้าถ้ำ ชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวนิยมมากราบขอพร ต้องเดินขึ้นบันไดจากเชิงเขามาอีกประมาณ 60 ขั้น ด้านหลังองค์พระเป็นถ้ำพระนอน หากไม่ประสงค์เข้าไปเที่ยวในถ้ำ เดินไปทางซ้ายมือไปเรื่อย ๆ จะเป็นทางเดินไปลานเผาศพนางพันธุรัต
๖. ลานเผานางพันธุรัต เดิมเป็นเจดีย์เก่าตั้งแต่สมัยอยุธยา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและของมีค่าต่าง ๆ อาทิ แก้ว แหวน เงิน ทอง เป็นต้น ต่อมาชำรุดทรุดโทรมเหลือเพียงฐานเท่านั้น ชาวบ้านและผู้ที่ขึ้นไปสำรวจไม่ทราบว่าเป็นอะไร เห็นเป็นสิ่งอัศจรรย์เพราะ มีลักษณะพิเศษคือ เป็นลานดินที่แข็งมาก ตอกตะปูหรือขุดหลุมแทบจะไม่เข้า ต้นไม้ใบหญ้าไม่งอกขึ้น เป็นอย่างนี้ตลอดปีตลอดชาติไม่ว่าจะฤดูไหน ๆ ชาวบ้านเห็นเป็นสิ่งประหลาดแต่หาคำตอบ(คำอธิบาย)ไม่ได้ จึงได้โยงไปถึงวรรณคดีเรื่องสังข์ทอง บอกว่าเป็นลานเผาศพนางพันธุรัต
แต่ ความจริงก็คือ สถานที่แห่งนี้เป็นเจดีย์เก่าแก่ บรรจุของมีค่าในพระศาสนาเอาไว้ ตอนนั้นฝนยังไม่ได้ชะล้างหน้าดินออกไป ทำให้ไม่เห็นอิฐและหินอยู่ด้านใต้ฐาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานนับสิบปี ฝนได้ชะล้างหน้าดินออกไป ทำให้ทราบว่า ลานเผานางพันธุรัต ความจริงคือเจดีย์เก่าแก่สมัยอยุธยา (โปรดสังเกตที่ภาพ เพื่อยืนยันความเชื่อ) ใน อดีตที่ทางวัดยังไม่ได้ทำทางคอนกรีตขึ้นไป การขึ้นไปลานเผานางพันธุรัตทำได้ยากมาก เพราะต้องปีนป่ายหินขึ้นไป ปัจจุบันทางวัดได้จัดทำทางเดินอย่างดี เมื่อนักท่องเที่ยวมาที่นี่แล้ว ควรขึ้นไปชมลานเผานางพันธุรัตในวรรณคดีเรื่องสังข์ทองให้ได้ เพราะทัศนียภาพงดงามมาก เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยแข็งแรง ส่วนคนที่มีแรงมากควรปีนเขาหน่อลูกใหญ่ไปนมัสการรอยพระพุทธบาท
๘. สระเสด็จ อยู่ ใกล้ ๆ โบสถ์ ที่ชื่อว่าสระเสด็จเพราะพระพุทธเจ้าหลวง (ร.5) เคยเสด็จมาสรงน้ำเมื่อครั้งทรงประภาสที่นี่ นักท่องเที่ยวเมื่อให้อาหารลิงเสร็จแล้ว ควรให้อาหารปลาก่อนกลับ
๙. เขาแก้ว เป็น เขาที่มีชื่อคล้องจองกับเขาหน่อ ไม่สามารถเข้าไปเที่ยวโดยตรงได้เพราะอยู่ สูง เป็นสถานที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาดูค้างคาวบินออกจากถ้ำเพื่อหากินในเวลา ประมาณ 17.30 - 18.30 น. แล้วแต่ฤดูกาล ค้างคาวที่นี่มีนับล้านตัว บินออกจากถ้ำเป็น 2 สายยาวมาก และจะมีนกเหยี่ยวมาคอยโฉบจับค้างคาวกินกลางอากาศทุกวัน วันละหลาย ๆ ตัว แต่ก็ไม่เคยหมดเพราค้างคาวมีเยอะ หากอยากเห็นชัด ๆ ควรมีกล้องส่องทางไกลติดตัวมาด้วย
๑๐. ลิง ลิงที่นี่มีมาแต่โบราณตั้งแต่สมัยเป็นป่าดงดิบ ต่อมาเมื่อมีคนมีจำนวนมาก ขึ้น ป่าเขาหมดไป ลิงไม่มีที่อยู่ที่อาศัยก็อพยพหลบภัยมาอยู่ในวัดออกลูกออกหลานเต็มไปหมด อาหารไม่พอกิน ต้องขยายอาณาเขตหากินไปไกล ลิงในปัจจุบันก็เลยค่อนข้างจะไร้มารยาทและดื้อ พอสมควร ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ค่อนข้างจะเกรงคน
๑๑. รูปเหมือนหลวงปู่โต พรหมรังสี ใน อดีตสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เคยธุงดงค์ผ่านมาพักและเรียนวิชาอาคมกับชีปะขาวที่ถ้ำแห่งนี้ ทางวัดจึงได้สร้างรูปท่านไว้เป็นอนุสรณ์
ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ เว็บไซต์ ม.นเรศวร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น