เที่ยวเขาหน่อ-เขาแก้ว ชมรอยพระพุทธบาท ฝูงค้างคาว - Nakhonsawan Post

Breaking

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวเขาหน่อ-เขาแก้ว ชมรอยพระพุทธบาท ฝูงค้างคาว

ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ จ.นครสวรรค์ ที่อยู่ไม่ไกล ไปมาสะดวก  นั่นคือ "เขาหน่อ-เขาแก้ว"  สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติ  วัฒนธรรม  และศาสนา ไปในคราวเดียวกัน  เส้นทางการท่องเที่ยวบริเวณภูเขาหน่อ เป็นสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ คือการเสด็จประพาสต้นของสมเด็จพระ พุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ตำนานนางพันธุรัตน์ ชมความน่ารักของฝูงลิงนับหมื่นตัว ชมต้นลีลาวดีที่มีอายุยืนยาวกว่าร้อยปี สักการะรอยพระพุทธบาทที่มีความศักดิ์สิทธิ์บนยอดภูเขาหน่อ ซึ่งมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 282  เมตร ถือเป็นเส้นทางที่มีความท้าทายนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญยิ่งนัก นอกจากนั้นยังได้ชมความสวยงามของฝูงค้างคาวนับล้าน ๆ ตัวบินออกหากินจากถ้ำบนภูเขาแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับภูเขาหน่อ บริเวณเทศบาลตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์

     เขาหน่อ-เขาแก้ว ตั้งอยู่ริมทางหลวงสายพหลโยธิน ช่วงนครสวรรค์ - กำแพงเพชร ในท้องที่ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย ติดกับพื้นที่ของตำบลสลกบาตร  อำเภอขาณุวรลักษบุรี  จังหวัดกำแพงเพชร  (ห่างจากสลกบาตร 10 กม.) ระยะทางจากตัวจังหวัดนครสวรรค์ประมาณ 45 กิโลเมตร  และจากตัวที่ว่าการอำเภอบรรพตพิสัยประมาณ 18 กิโลเมตร

     เขาหน่อเป็นเขาหินปูนที่มีวัดและโรงเรียนอยู่เชิงเขา ปัจจุบันโรงเรียนร้างไปแล้ว  แบ่งเป็น 2 ส่วนสำคัญคือ

     1. เขานางพันธุรัตหรือเขาลูกเล็ก   มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิว 60 ขั้น ระหว่างทางขึ้นยอดเขา  มีถ้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่ง  ด้านหน้าประดิษฐานพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่อยู่หน้าปากถ้ำ  และมีพระพุทธรูปองค์เล็กอีก 4-5 องค์ หากจะเข้าถ้ำต้องเดินอ้อมหลังพระพุทธรูปเข้าไป  ภายในถ้ำมีลักษณะเปียกชื้น  นักท่องเที่ยวควรมีไฟฉายติดตัว  ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นถ้ำพญานาค  เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำทางเดินจะค่อยๆแคบลงจนไม่สามารถเดินต่อได้  ต้องเดินย้อนกลับมาทางเดิม  แล้วเดินทะลุออกไปอีกทางหนึ่งเพื่อเดินขึ้นยอดเขาไปชมทัศนียภาพของวัด ณ ลานเผานางพันธุรัตได้   การปีนเขาลูกเล็กเหมาะสำหรับเด็กและคนชราที่ร่างกายไม่ ค่อยแข็งแรง

     2.  เขาพระพุทธบาทหรือเขาลูกใหญ่   ด้านหน้ามีโรงเรียนร้างเป็นจุดสังเกต อยู่ห่างจากเขานางพันธุรัตประมาณ 300 เมตร ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทและเจดีย์เก่าอายุประมาณ 400 ปี  คาดว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย  มีระฆังที่นำไปแขวนใหม่ประมาณ 20 ใบ  มีบันไดสำหรับเดินขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท 700 ขั้น  ก่อนถึงยอดเขาจะต้องปีนบันไดลิงอีก 5 ช่วง  ในอดีตเคยเป็นที่จัดแข่งขัน Walking Rally  แข่งขันพิชิตยอดเขาหน่อเป็นคนแรก  การปีนเขาลูกใหญ่เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่ร่างกายแข็งแรง



     เขาหน่อนับเป็น อีกหนึ่งในสถานที่ที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาส โดยเสด็จภาคเหนือทางชลมารคสายแม่น้ำปิง  เมื่อปี 2449 และต่อมาในปี 2452 ได้พระราชทานสิ่งของให้แก่หลวงพ่อแหยม วัดบ้านแดน

     ส่วนเขาแก้วอยู่ใน บริเวณเดียวกันกับเขาหน่อ  ปัจจุบันมีถนนคั่นกลางแบ่งเขตกันอย่างชัดเจน  มีถ้ำหลายถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของค้างคาวมากมาย  ในเวลาเย็นใกล้พลบค่ำฝูงค้างคาวจะพากันบินออกหากินนับล้านตัว  ค้างคาวบินออกหากินจากถ้ำ 30 นาทีก็ยังออกจากถ้ำไม่หมด  ปัจจุบัน  อบต.บ้านแดนพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว  โดยสร้างศาลาไว้ชมค้างคาวไว้บริการนักท่องเที่ยว  โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์  จะมีผู้คนจากต่างถิ่นมาชมค้างคาวและรับประทานอาหารค่ำ  มีชาวบ้านนำอาหารมาจำหน่ายไว้บริการ
รอยพระพุทธบาท


ฝูงค้างคาวนับล้าน บินออกหากินในยามเย็น

วันเวลาเปิดทำการ
   ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 - 16.00 น.
   ติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์ อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ โทร. 0-5622-1602, 0-5622-1034, 0-5622-1656 ต่อ 114 โทรสาร 0-5623-1841, 0-5622-162 ต่อ 111

สิ่งที่น่าสนใจ
          ๑. พระพุทธบาท ๔ รอย  พระพุทธบาทคือรอยเท้าของพระพุทธเจ้า  ถ้ามีรอยพระพุทธบาทที่ใดแสดงว่าพระพุทธศาสนาแผ่ไปถึงที่นั่นแล้ว  พระพุทธบาทที่ยอดเขาหน่อมี ๔ รอยซ้อนกัน มีมณฑปเก่าครอบเอาไว้  พระพุทธบาทเขาหน่อมีความยาว ๓ ศอก กว้าง ๑ ศอก ๕ นิ้ว  พระพุทธบาท ๔ รอยซ้อนกันในทางศาสนาถือว่า  สถานที่แห่งนี้ในอดีตพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาแล้ว ๔ พระองค์คือ พระพุทธกกุสันธะ พระพุทธโกนาคมน์  พระพุทธกัสปะ และพระพุทธโคดม
              พระพุทธบาทโดยทั่วไปจะมีแค่รอยเดียว  แต่ถ้าที่ใดมีรอยพระพุทธบาทมากถึง ๔ รอยก็จะมีความสำคัญหรือศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นไปอีก  พระพุทธบาทที่มีสี่รอยในประเทศไทยมีอยู่ไม่มากนัก  แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดในประเทศอยู่ที่ 
วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะ ลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  ดังนั้นรอยพระพุทธบาทที่เขาหน่อจึงถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญ  ที่จังหวัดนครสวรรค์นอกจากที่นี่แล้ว ยังมีอีกแห่งหนึ่งคือวัดจอมคีรีนาคพรต
               ข้อแตกต่างระหว่างพระพุทธสี่รอยทั้งสองแห่งก็คือ ที่เชียงใหม่เป็นรอยพระบาทใหญ่และเล็กลงตามลำดับ  สังเกตเห็นได้ง่าย (ดูรูป)  แต่ที่เขาหน่อ  พระพุทธบาททั้ง ๔ รอยมีขนาดเท่ากัน  สังเกตเห็นได้ยาก  แต่มีจุดให้รู้ว่าเป็นพระพุทธบาทสี่รอยตรงปลายของส้นเท้า (ดูรูป)

          ๒. 
เจดีย์โบราณ  เจดีย์ องค์นี้ตั้งอยู่ ณ จุดที่สูงที่สุดของเขาหน่อ  อยู่ติดกับมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท  ดูจากลักษณะที่ตั้งแล้วเจดีย์องค์นี้สัน นิฐานว่าน่าจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ หรือสิ่งของสำคัญในทางศาสนาอย่างใดอย่างหนึ่ง  ปัจจุบันเป็นซากปรักหักพังชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา  เป็นเพียงกองดินขนาดใหญ่  แต่ก็สิ่งที่พอจะให้สังเกตเห็นได้ว่าเป็นเจดีย์เก่า  เพราะมีอิฐศิลาแลงโบราณขนาดใหญ่อยู่ภายใน  ดูจากอิฐที่ก่อสร้างเจดีย์แล้วน่าจะอายุหลายร้อยปี
               รอยพระพุทธบาทและเจดีย์นี้  ประดิษฐานบนเขาหน่อลูกใหญ่  มีทางขึ้นที่หลังโรงเรียน  (ปัจจุบันร้างแล้ว)

          ๓. 
ลีลาวดีพันปี (ลั่นทม พันปี) บนยอดเขาหน่อลูกใหญ่  จะมีต้นลีลาวดีซึ่งจะออกดอกทั้งปีโดยไม่เลือกฤดูกาล  นักท่องเที่ยวมาเขา หน่อเวลาไหนก็จะเห็นลีลาวดีออกดอกทุกฤดู  ต้นลีลาวดีที่เขาหน่อแม้ว่าจะมี ขนาดเล็กเพราะแคระแกรน  เนื่องจากอยู่ตามซอกเหลือบเขา  แต่ก็มีอายุนับร้อยปีนับพันปี  ต้นลีลาวดีที่นี่จึงต่างจากต้นลีลาวดีตามที่ทั่วไป   และที่สำคัญต้น ลีลาวดีที่เขาหน่อเกิดอยู่ในจุดที่สูงกว่าต้นไม้ชนิดอื่น  ดังนั้นจึงได้รับสมญานามว่า "ราชินีแห่งเขาหน่อ"  ออกดอกชูช่อเพื่อบูชาพระพุทธบาท
          ๔. ถ้ำพระนอน  ถ้ำจรเข้ ถ้ำชีปะขาว  ถ้ำทั้ง 3 นี้คือถ้ำเดียวกัน  แต่เรียกสามชื่อก็เพราะว่า
                        - ภายนอกถ้ำมีพระนอนขนาดใหญ่ เลยเรียกว่า "ถ้ำพระนอน"
                        - ภายในถ้ำมีหินก้อนใหญ่คล้ายจรเข้ เลยเรียกว่า "ถ้ำจรเข้"
                        - ภายในถ้ำเคยมีชีปะขาวอาศัยอยู่  เลยเรียกว่า "ถ้ำชีปะขาว"
               ภายในถ้ำแห่งนี้  เหมาะสำหรับเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่นักสำรวจ  เพราะมีขนาดไม่ใหญ่นัก  ถ้าเข้าไปควรมีไฟฉายหรือเทียนติดตัวไปด้วย  เอาไว้ส่องนำทาง  เมื่อเดินเข้าไป  ทางจะแคบลงเรื่อย ๆ จนเข้าไม่ได้ ไม่มีอันตรายใด ๆ จะมีเพียงแต่ระวังการลื่นหกล้มเท่านั้น

          ๕. 
พระปางไสยาสน์  คือพระนอนขนาดใหญ่หน้าถ้ำ  ชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวนิยมมากราบขอพร  ต้องเดินขึ้นบันไดจากเชิงเขามาอีกประมาณ 60 ขั้น  ด้านหลังองค์พระเป็นถ้ำพระนอน  หากไม่ประสงค์เข้าไปเที่ยวในถ้ำ  เดินไปทางซ้ายมือไปเรื่อย ๆ จะเป็นทางเดินไปลานเผาศพนางพันธุรัต
 
         
 ๖. ลานเผานางพันธุรัต  เดิมเป็นเจดีย์เก่าตั้งแต่สมัยอยุธยา  บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและของมีค่าต่าง ๆ อาทิ แก้ว แหวน เงิน ทอง เป็นต้น  ต่อมาชำรุดทรุดโทรมเหลือเพียงฐานเท่านั้น  ชาวบ้านและผู้ที่ขึ้นไปสำรวจไม่ทราบว่าเป็นอะไร  เห็นเป็นสิ่งอัศจรรย์เพราะ มีลักษณะพิเศษคือ เป็นลานดินที่แข็งมาก  ตอกตะปูหรือขุดหลุมแทบจะไม่เข้า  ต้นไม้ใบหญ้าไม่งอกขึ้น  เป็นอย่างนี้ตลอดปีตลอดชาติไม่ว่าจะฤดูไหน ๆ ชาวบ้านเห็นเป็นสิ่งประหลาดแต่หาคำตอบ(คำอธิบาย)ไม่ได้  จึงได้โยงไปถึงวรรณคดีเรื่องสังข์ทอง  บอกว่าเป็นลานเผาศพนางพันธุรัต
              
 แต่ ความจริงก็คือ  สถานที่แห่งนี้เป็นเจดีย์เก่าแก่ บรรจุของมีค่าในพระศาสนาเอาไว้  ตอนนั้นฝนยังไม่ได้ชะล้างหน้าดินออกไป  ทำให้ไม่เห็นอิฐและหินอยู่ด้านใต้ฐาน  แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานนับสิบปี  ฝนได้ชะล้างหน้าดินออกไป  ทำให้ทราบว่า  ลานเผานางพันธุรัต  ความจริงคือเจดีย์เก่าแก่สมัยอยุธยา  (โปรดสังเกตที่ภาพ  เพื่อยืนยันความเชื่อ)                ใน อดีตที่ทางวัดยังไม่ได้ทำทางคอนกรีตขึ้นไป  การขึ้นไปลานเผานางพันธุรัตทำได้ยากมาก  เพราะต้องปีนป่ายหินขึ้นไป  ปัจจุบันทางวัดได้จัดทำทางเดินอย่างดี  เมื่อนักท่องเที่ยวมาที่นี่แล้ว  ควรขึ้นไปชมลานเผานางพันธุรัตในวรรณคดีเรื่องสังข์ทองให้ได้  เพราะทัศนียภาพงดงามมาก  เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยแข็งแรง  ส่วนคนที่มีแรงมากควรปีนเขาหน่อลูกใหญ่ไปนมัสการรอยพระพุทธบาท
          ๗. โบสถ์  ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติสวยงามมาก  สมเด็จพระเทพฯ เคยเสด็จมาทำพิธีฉลองโบสถ์

          ๘. สระเสด็จ  อยู่ ใกล้ ๆ โบสถ์  ที่ชื่อว่าสระเสด็จเพราะพระพุทธเจ้าหลวง (ร.5) เคยเสด็จมาสรงน้ำเมื่อครั้งทรงประภาสที่นี่  นักท่องเที่ยวเมื่อให้อาหารลิงเสร็จแล้ว  ควรให้อาหารปลาก่อนกลับ

          ๙. เขาแก้ว  เป็น เขาที่มีชื่อคล้องจองกับเขาหน่อ  ไม่สามารถเข้าไปเที่ยวโดยตรงได้เพราะอยู่ สูง  เป็นสถานที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาดูค้างคาวบินออกจากถ้ำเพื่อหากินในเวลา ประมาณ 17.30 - 18.30 น.  แล้วแต่ฤดูกาล  ค้างคาวที่นี่มีนับล้านตัว  บินออกจากถ้ำเป็น 2 สายยาวมาก  และจะมีนกเหยี่ยวมาคอยโฉบจับค้างคาวกินกลางอากาศทุกวัน  วันละหลาย ๆ ตัว  แต่ก็ไม่เคยหมดเพราค้างคาวมีเยอะ  หากอยากเห็นชัด ๆ ควรมีกล้องส่องทางไกลติดตัวมาด้วย
  
          ๑๐. ลิง  ลิงที่นี่มีมาแต่โบราณตั้งแต่สมัยเป็นป่าดงดิบ  ต่อมาเมื่อมีคนมีจำนวนมาก ขึ้น  ป่าเขาหมดไป  ลิงไม่มีที่อยู่ที่อาศัยก็อพยพหลบภัยมาอยู่ในวัดออกลูกออกหลานเต็มไปหมด  อาหารไม่พอกิน  ต้องขยายอาณาเขตหากินไปไกล  ลิงในปัจจุบันก็เลยค่อนข้างจะไร้มารยาทและดื้อ พอสมควร  ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ค่อนข้างจะเกรงคน

          ๑๑. รูปเหมือนหลวงปู่โต  พรหมรังสี  ใน อดีตสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี  เคยธุงดงค์ผ่านมาพักและเรียนวิชาอาคมกับชีปะขาวที่ถ้ำแห่งนี้  ทางวัดจึงได้สร้างรูปท่านไว้เป็นอนุสรณ์

ขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ เว็บไซต์ ม.นเรศวร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น