ก่อนหน้านี้เราได้เห็นธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ในซอยหนึ่งอาจมีมากกว่า 1 ร้านสะดวกซื้อ ทำให้ร้านค้าโชห่วย รูปแบบเดิมที่เรารู้จัก ค่อย ๆ ตายไปทีละร้าน ๆ ต่อมาร้านสะดวกซื้อก็มีผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้ร้านอาหารข้างทางหรือ Street Food ต้องพบกับสถานการณ์เดียวกับร้านโชห่วย
นั่นคือบรรดาข้าวกล่องแช่แข็ง ที่แม้จะแพงกว่าร้านข้างทาง และปริมาณน้อยกว่า แต่ก็ได้ความเป็นมาตรฐานในรสชาติ ได้ข้าวหอมมะลินุ่ม ๆ ที่หากินไม่ได้ที่ร้านข้างทางแน่ ๆ ซึ่งแต่ก่อนมีเฉพาะข้าวกล่อง เดี๋ยวนี้มีอาหารแบบริมทางนำมาแพ็คขายมากมาย อาทิ ข้าวโพดต้ม , ข้าวเหนียวหมูย่าง-ไก่ย่าง , ขนมปังปิ้ง ฯลฯ แม้แต่กาแฟสด เบเกอรี่ ก็มีแล้ว เรียกว่ากะจะไม่ให้ผู้ค้าอื่นได้หากินกันเลยทีเดียว
ร้านสะดวกซื้อ นอกจากจะได้เปรียบในเรื่องทำเลที่ตั้ง จำนวนสาขา ภายในเปิดแอร์เย็นสบาย พนักงานพูดจาดี มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ยังมีการโฆษณา จัดโปรโมชั่นเสริมกับพันธมิตรการค้าอีกมากมาย ทำให้ทุนใหญ่ได้เปรียบผู้ค้ารายย่อยในทุกด้าน จนใคร ๆ ก็คิดว่าอีกหน่อย คงไม่มีคู่แข่งเป็นแน่
แต่โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน การกำเนิดธุรกิจส่งอาหาร ในโลกยุค 4G ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป เหมือนกับการ Return of Street Food ทำให้ธุรกิจอาหารข้างทาง ร้านอาหารต่าง ๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยความสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นผ่านโซเชี่ยลมีเดีย ความเสียเปรียบในเรื่องทำเล เรื่องการรอคิว เรื่องการหาที่จอดรถ หมดไป จะออกไปซื้อเองให้เมื่อยทำไม ในเมื่อมีคนซื้อให้ในราคาเท่าเดิม สบายกว่า ประหยัดค่าน้ำมันด้วย เราจึงเห็นรถจักรยานยนต์ส่งอาหารวิ่งว่อนทั่วเมือง ตอนนี้นอกจากค่าชมพูแล้วยังมีค่ายเขียวมาร่วมวงแข่งขันเพิ่มอีกด้วย
โลกยุคใหม่ เทคโนโลยี ช่วยให้การค้าขายง่ายขึ้น สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นผ่านโซเชี่ยลมีเดีย โอกาสจึงเปิดมากขึ้น ลงทุนน้อยลงเพราะไม่ต้องเสี่ยงลงทุนทำเล หรือโฆษณาแพง ๆ ขอแค่มีฝีมือ มีความคิดสร้างสรรค์ โอกาสอยู่รอดเป็นไปได้สูงทีเดียว น่าสนใจว่าต่อไปร้านสะดวกซื้อจะเดินเกมอย่างไร ที่เริ่มเห็นแล้ว คือมีการจัดที่นั่งให้สามารถทานอาหารแช่แข็งในร้านได้(ต่างประเทศเขาทำมาก่อนตั้งนาน พี่ไทยจะวางแต่ของขาย ให้ลูกค้าซื้อไปนั่งยอง ๆ กินหน้าร้าน ทุเรศจริง ๆ) มีบริหารปลั๊กชาร์จโทรศัพท์ ประมาณนี้ครับ
จากการสอบถามร้านค้าที่เข้าร่วมจะถูกหักกำไรไป 30% เพื่อเป็นค่าขนส่งตามโปรโมชั่น(+กำไรเจ้าของแอพฯ) แล้วเงินจะออกให้ทางร้าน 15 วัน/ครั้ง นั่นคือคุณต้องมีทุนสำรองพอสมควร แต่ก็แลกมากับฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นครับ ถือเป็นช่องทางการต่อสู้ในโลกยุคใหม่ ต้องปรับตัวถึงจะอยู่รอด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมาทางนี้เท่านั้น การปรับตัวให้เข้ากับสมัย เข้ากับเทคโนโลยี อาจมีทางอื่นอีกมากมาย อย่าเพิ่งท้อครับ ยังมีทางให้เลือกเดินอีกเยอะ ทำใจครับ ลุงยังอยู่อีกนาน (ฮ่า ๆ ...... ฮือ ๆ)
ปล. คิดถึงสมัยก่อนร้านโชห่วยในตลาดบ้านเรา มีน้ำเก็กฮวยแก้วละ 1 - 2 บาท แช่เย็นจัด ๆ ดื่มแล้วชื่นใจมาก
ปล. อีกครั้ง ถ้าร้านคุณมีคิวรอซื้อแบบในรูป มันเยี่ยมไปเลยใช่มั๊ยล่ะ
ปล. อีกครั้ง ถ้าร้านคุณมีคิวรอซื้อแบบในรูป มันเยี่ยมไปเลยใช่มั๊ยล่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น